Author: admin

เมื่อเราตัดสินใจที่จะทำธุรกิจบนโลกออนไลน์สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเว็บไซต์สำหรับธุรกิจของเราเว็บไซต์นั้นเป็นสิ่งที่จะสะท้อนการบริการของสินค้าของเราต่อลูกค้าได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ความยากง่ายในการใช้งานความรวดเร็วเนื้อหาที่ทันสมัยความสามารถที่หลากหลายในการเข้าถึงบริการของเราสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีต่อบริการของเรายิ่งลูกค้าชอบบริการรามากเท่าไรก็ยิ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเจริญเติบโตของธุรกิจเรามากเท่านั้น

ตอนนี้ก็ได้รู้ถึงความสำคัญของการปรับปรุงเว็บไซต์ไปแล้ว แต่เราจะสามารถทำอย่างไรได้บ้างละ เราจะมาดูกันถึงรายละเอียดในหัวข้อของการปรับปรุงเว็บไซต์ในส่วนต่าง ๆ กัน
1. ทำการวิเคราะห์ถึงเป้าหมายของลูกค้าที่จะมาใช้บริการ
ลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการของเรานั้นมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่รู้อยู่แล้วว่าเข้ามาใช้บริการเพื่ออะไรกับอีกกลุ่มที่ไม่รู้จุดประสงค์ที่แน่ชัดว่าจะเข้ามาใช้บริการอะไร เราต้องทำการประเมินพฤติกรรมของลูค้าแต่ละประเภทแล้วนำมาปรับปรุงเว็บไซต์ของเรา
2. จัดระเบียบเว็บไซต์
ในบางครั้งข้อมูลที่แสดงอยู่บนหน้าเว็บไซต์ที่ไม่มีความจำเป็น ก็สามารถที่จะนำออกไปได้หรือนำไปจัดแสดงอยู่ตำแหน่งอื่นที่เหมาะสม เพื่อให้หน้าเว็บไซต์นั้นมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย และดูสะอาดตา ซึ่งถ้าหน้าเว็บไซต์มีข้อมูล หรือรูปภาพที่มากจนเกินไป ก็อาจจะทำให้ผู้ใช้เกิดความสับสนได้
3. เพิ่มความเร็วของการโหลดหน้าเว็บ
ความเร็วของการโหลดหน้าเว็บนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ลองนึกถึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการภายในเว็บไซต์แล้วเว็บไซต์มีการตอบสนองต่อลูกค้าได้ไม่รวดเร็ว ก็จะทำให้ลูกค้าเกิดความหงุดหงิด หรือที่ร้ายแรงกว่านั้นคือลูกค้าไม่สามารถที่จะใช้บริการของเราได้เลย ลองลดขนาดของรูปภาพ หรือลดสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อลูกค้าเพื่อให้ประสิทธิภาพของการโหลดหน้าเว็บไซต์เร็วขึ้น
4. ปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยอยู่เสมอ
ข้อมูลที่เกี่ยวกับบริการภายในเว็บไซต์ต้องมีทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากลูกค้าเข้ามาใช้บริการแล้วต้องการซื้อสินค้าชิ้นหนึ่ง สินค้าชิ้นนี้แสดงผลอยู่บนเว็บไซต์ว่ายังไม่หมด แต่ที่จริงแล้ว สินค้าตัวนี้ได้หมดไปจากสต็อกแล้ว ลูกค้าก็ไม่สามารถที่จะซื้อได้ จึงทำให้ความพึงพอใจของลูกค้าลดลงแน่นอน
5. ข้อมูลติดต่อกับทางบริษัท
ในบริการบางชนิด ลูกค้าจำเป็นที่จะต้องทำการติดต่อกับบริษัท เราต้องแน่ใจว่าข้อมูลติดต่อกับทางบริษัทนั้น แสดงผลอยู่บนหน้าเว็บไซต์ได้อย่างชัดเจน ที่ลูกค้าสามารถที่จะเห็นและทำการติดต่อได้ง่าย
6. รองรับการใช้งานผ่านมือถือ
ในยุคสมัยนี้การใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นที่นิยมมาก ถ้าหากเว็บไซต์ไม่รองรับการใช้งานผ่านมือถือละก็ โอกาสในการใช้บริการของลูกค้าก็จะลดลงไปอีก
7. ทำการทำสอบและประเมินเว็บไซต์ของคุณ
หลังจากที่เราทำการปรับปรุงเว็บไซต์แล้ว เราต้องทำการประเมินว่าผลที่ได้มานั้นดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งอาจจะให้กลุ่มลูกค้าตัวอย่างเข้ามาใช้บริการและช่วยประเมินให้ และใช้เครื่องมือที่ช่วยทำการเก็บสิถิติต่าง ๆ ในการใช้งานเว็บไซต์ เช่น Google Analytics เพื่อวัดผลของการปรับปรุงเว็บไซต์ของ

เทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้ชีวิตมีความสะดวกสบาย โดยเฉพาะเทคโนโลยีทางอินเตอร์เน็ต ที่มีส่วนสำคัญในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะการเปิดเว็บไซต์ขายของทางหน้าเว็บไซต์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

การสร้างเว็บไซต์เพื่อขายสินค้าได้รับความนิยมมากในต่างประเทศ แต่ในประเทศไทยนั้นเพิ่งได้รับความนิยมได้ไม่นาน อาจเพราะผู้ที่มีกำลังซื้อไม่สามารถเข้าถึงสื่อพวกนี้ได้ บวกกับคนส่วนใหญ่ชอบซื้อขายแลกเปลี่ยนแบบเห็นหน้ากันมากกว่า เพราะมีความเชื่อมั่นมากกว่าการซื้อขายผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่การขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ยังมีประโยชน์มากมาย ดังนี้

1.เข้าถึงได้ง่าย อินเตอร์เน็ตมีความทันสมัยมากขึ้น ทำให้สามารถติดต่อซื้อขายกันได้ง่าย ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้า เพราะลูกค้าไม่จำเป็นต้องมาเลือกซื้อสินค้าถึงบริษัทหรือหน้าร้านด้วยตนเองซึ่งอาจเสียเวลาพอสมควรเพราะการจราจรที่ติดขัด อีกทั้งเรายังสามารถซื้อขายผ่านเว็บไซต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

2.ไม่ต้องลงทุนมาก เพราะถ้าต้องเปิดหน้าร้านอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงได้ หากขายสินค้าผ่านโลกออนไลน์จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก เพราะทำเว็บไซต์แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรเลย เพียงแค่เสียค่าโดเมนและค่าทำเว็บไซต์เท่านั้น

3.ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน การใช้เว็บไซต์เป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้ามีข้อได้เปรียบมากกว่าลงทุนเปิดร้านหรือโชว์รูมเป็นของตนเอง เพราะการมีหน้าร้านจะต้องเสียค่าเช่า ค่าตกแต่ง ค่าจ้างพนักงาน และอื่นๆ อีกจิปาถะ รวมถึงต้องเหน็ดเหนื่อยดูแลเปิดปิดร้าน ซึ่งอาจไม่คุ้มค่ามากสักเท่าไรสำหรับธุรกิจซึ่งเพิ่งสร้าง เพราะอาจทำให้ระยะเวลาคืนทุนยืดออกไปอีก

4.ทำให้สินค้าดูน่าสนใจ เทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้สามารถแต่งเติมสีสันให้กับสินค้าดูน่าดึงดูดได้มากกว่าการวางขายสินค้าหน้าร้าน ผู้ประกอบการบางรายใช้ลูกเล่นในการนำเสนอสินค้า เช่นตกแต่งภาพสินค้าให้ดูน่าสนใจ หรือสร้างวิดีโอสาธิตวิธีใช้งานโดยผู้เชี่ยวชาญหรือดาราผู้มีชื่อเสียงก็น่าสนใจ

จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าการทำเว็บไซต์เพื่อขายสินค้ามีประโยชน์อยู่มากมาย ถือเป็นความนิยมใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อย ทั้งการแข่งขันก็มีไม่มาก ทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่เริ่มที่จะสนใจใช้เว็บไซต์แทนการเปิดหน้าร้านแทน และเมื่อเทคโนโลยีเริ่มก้าวไกลขึ้นผู้ประกอบการควรทันกับเทคโนโลยีประเภทนี้อยู่เสมอ

ใครที่คิดจะสร้างเว็บไซต์ช่วยดูใน 5 เรื่องต่อไปนี้ก่อนนะ

1. กำหนดกลยุทธ์เว็บไซต์ และวางแผนให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจ การกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของเว็บไซต์ให้สร้างโอกาสทางธุรกิจที่สอด คล้องกับแผนธุรกิจหลักในตอนต้น ทางที่ดีนะครับ ไปอ่านแผฯธุรกิจให้ดี และเอาแผนนั้นมาเป็นแม่แบบในกาารวางแผนของเว็บไซต์อีกที นั่นก็เพื่อที่จะทำให้ทีมงานทุกฝ่ายดำเนินงานร่วมกันอย่างมีทิศทาง ปฏิบัติตามขั้นตอนที่เหมือนกัน มีเป้าหมายเดียวกัน และดำเนินงานสอดคล้องกัน และเป็นไปตามแผนที่วางไว้และช่วยกำหนดการวัดผลที่ชัดเจนได้ ปัญหาหนึ่งที่หลายคนล้มเหลวคือการทำเว็บไซต์ที่มีเป้าหมายมากเกินไป ซึ่งมักจะเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาในระยะยาว

2. ออกแบบเว็บไซต์โดยคำนึงถึงประสบการณ์ของผู้ใช้งานเป็นหลัก หลายคนมักจะเอาแนวคิดของตัวเองมาทำเว็บไซต์ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากแนวคิดของตนเองโดยไม่คำนึงว่า คนอื่นจะรู้สึกอย่างไง แต่นั่นเป็นวิธีคิดที่ผิดอย่างยิ่ง เว็บไซต์ที่ดีควรตอบสนองการใช้งานของกลุ่มผู้ใช้เป้าหมายได้อย่างมี ประสิทธิภาพ การศึกษาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งานจะช่วยให้การออกแบบฟังก์ชันต่างๆ ตรงตามความต้องการมากขึ้น มีองค์ประกอบดังนี้

Visual Design สร้างการรับรู้สอดคล้องกับตัวตนของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น ภาพ สีสัน ฟอนต์ บุคลิก อารมณ์ จังหวะการเคลื่อนไหว รวมถึงภาษาที่ใช้ ล้วนเป็นส่วนประกอบที่ต้องมีการศึกษาในเบื้องต้นก่อนการออกแบบ

Web Usability คือ การใช้งานที่เข้าถึงง่าย โดยเฉพาะในเว็บไซต์ขนาดใหญ่ หรือมีฟังก์ชันซับซ้อน อาทิเช่น เว็บไซต์ e-commerce จะต้องให้ความมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล เว็บไซต์ Community จะต้องออกแบบให้ชุมชนสามารถดูแลคอนเทนท์กันเองได้ โดยเฉพาะส่วนที่เป็น User-Generated Content ; และเมื่อเป็น Mobile เว็บไซต์ จะต้องมีการออกแบบหน้า Screen เฉพาะที่แตกต่าง

Web Findability คือ การออกแบบการเข้าถึงข้อมูล (Navigation System) เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะอยู่ใน Search Mode หรือ Browse Mode การออกแบบโครงสร้างข้อมูลอย่างละเอียดเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยนำผู้ใช้งานไป สู่เนื้อหาที่เราต้องการได้ ที่จริงผมบอกตามตรงนะครับ เว็บทุกเว็บควรมีแถบค้นหาในเว็บ และก็ควรมีเมนู ลิงค์ไปและกลับในทุก ๆ หน้า เพื่อที่ผู้ใช้งานจะได้ไม่ต้องมางงกับการอ่านเว็บของเรา เพราะงั้นการใช้งานง่ายก็สำคัญเสมอครับ ในการทำเว็บ

3. Web Standard ผู้พัฒนามักจะมองข้ามความสำคัญข้อนี้อย่างน่าเสียดาย เนื่องจากมองการออกแบบเว็บไซต์อย่างผิวเผินเป็นงานกราฟฟิกดีไซน์เท่านั้น ทำให้เว็บไซต์ดีๆ หลายครั้งถูกละเลย เว็บไซต์ที่ตอบมาตรฐานการออกแบบในระดับสากล จะต้องสามารถทำงานบนบราวเซอร์ที่ต่างกัน และต่างเวอร์ชั่นได้ ดังนั้น เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับผู้ใช้งานทั่วโลกที่ใช้บราวเซอร์หลากหลายได้ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.w3.org ซึ่งเป็นชุมชนสากลที่สนับสนุนการพัฒนามาตรฐานเว็บไซต์บนโลกออนไลน์

4. คอนเทนท์ที่ดึงดูด การจัดเตรียมคอนเทนท์เป็นหัวใจสำคัญ เนื่องจากเป็นสาเหตุหลักอันหนึ่งที่ทำให้เว็บไซต์ไม่สามารถ Launch ได้ตามเวลา คอนเทนท์เหล่านี้รวมถึง Copy Writing ในทุกส่วน รูปภาพ วีดิทัศน์และเสียง คอนเทนท์ที่มีการวางแผนและจัดเตรียมอย่างถูกต้อง จะช่วยเพิ่มโอกาสใน Search Engine Optimization ได้อีก เมื่อเว็บไซต์เป็นสื่อที่ผู้ใช้ทั่วโลกเข้าถึงได้ ฉะนั้นจึงควรคำนึงและตรวจสอบลิขสิทธิ์ของคอนเทนท์ทุกประเภทที่เลือกใช้

5. กำหนดทีมงานในการดูแลเว็บไซต์ เว็บไซต์เป็นสื่อที่มีชีวิต การมีทีมงานหลักจากทีมการตลาดและไอทีที่เชี่ยวชาญ ในการดูแล พัฒนาเนื้อหา ออกแบบการนำเสนอ และโต้ตอบกับผู้ใช้งาน จะช่วยให้เว็บไซต์มีชีวิตและทันสมัยอยู่เสมอ ขนาดของทีมงานในการดูแลเว็บไซต์ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของเว็บไซต์เป็นหลัก บางองค์กรอาจใช้เว็บมาสเตอร์หนึ่งท่านในการดูแล ในขณะที่อีกองค์กรอาจมีจำนวนผู้ดูแลเว็บไซต์เป็นหลักร้อย

ทั้งนี้ หลักการข้างต้น เป็นเรื่องที่เราควรคิดก่อนวางแผนเว็บไซต์สำหรับองค์กรที่ต้องการให้ชื่อเสียงของท่านอยู่บนโลกออนไลน์ขอแนะนำให้ท่านได้ศึกษาประเด็นข้างต้นโดยละเอียด เพราะบางทีถ้าคุณพลาดส่วนไหนส่วนหนึ่งไปอาจทำให้คุณพลาดความสำเร็จไปเลยก้ได้ บางทีมันอาจดูยุ่งยาก แต่รับประกันไม่ยากที่จะทำ